สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเปิดบริการที่พักหรือโรงแรมในประเทศไทย การทำความเข้าใจ ประเภทของโรงแรมตามกฎหมาย เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะมีผลต่อการขอใบอนุญาตและการดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง โดยในปี พ.ศ. 2566 มีการปรับปรุงเกณฑ์ใหม่ ทำให้บางที่พักไม่เข้าข่ายโรงแรมและไม่ต้องขอใบอนุญาต แต่ต้องแจ้งเป็น “สถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม” แทน บทความนี้จะแนะนำประเภทที่พักตามกฎหมาย พร้อมแนวทางการขออนุญาตแต่ละประเภทแบบเข้าใจง่าย เพื่อช่วยให้คุณเลือกดำเนินการได้ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น
สถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรมคืออะไร ?
คือ สถานที่พักที่ให้บริการที่พักชั่วคราวแก่บุคคลทั่วไป แต่ ไม่เข้ากฎหมายโรงแรม เนื่องจากมีคุณลักษณะตามนี้
คุณสมบัติ
- สถานที่พักอยู่ในอาคารเดียวกัน หรือหลายอาคารภายในรั้วเดียวกัน
- มีจำนวนห้องพักไม่เกิน 8 ห้อง
- รองรับผู้เข้าพักรวมไม่เกิน 30 คน
(เดิม 4 ห้อง / 20 คน — ปรับเพิ่มเพื่อรองรับผู้ประกอบการรายเล็ก)
โฮมสเตย์ บ้านพัก ปล่อยห้องพักไม่กี่ห้อง หรือบ้านพักตากอากาศของครอบครัว
หากเข้าเกณฑ์นี้ ไม่ต้องขอใบอนุญาตโรงแรม แต่ต้อง แจ้งสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม ตามแบบและวิธีการที่รัฐมนตรีกำหนด หนังสือรับแจ้งมีอายุ 5 ปีนับตั้งแต่วันที่แจ้ง
หากไม่แจ้งและเปิดบริการ อาจมีความผิดตามกฎหมายได้ ดังนั้นแม้ไม่ใช่โรงแรมก็ต้องดำเนินการให้ถูกต้อง

โรงแรมคืออะไร?
คือ สถานที่พักที่จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในทางธุรกิจ เพื่อให้บริการที่พักชั่วคราวสำหรับคนเดินทางหรือบุคคลอื่นใด โดยมีค่าตอบแทน อันมีลักษณะต่ำกว่ารายเดือน และเข้าข่ายตามนิยามกฎหมายจึงต้องขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม โดยแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
1) โรงแรมประเภท 1 โรงแรมที่ให้บริการเฉพาะห้องพัก และไม่เกิน 50 ห้อง
เหมาะกับ:โฮสเทล บูติกโฮเทลขนาดเล็ก อพาร์ทเมนต์ดัดแปลงเป็นรายวัน
2) โรงแรมประเภท 2 มีห้องพักมากกว่า 50 ห้อง หรือโรงแรมที่ให้บริการห้องพักและห้องอาหารหรือสถานที่สำหรับบริการอาหารหรือสถานที่สำหรับประกอบอาหาร
เหมาะกับ: โรงแรมขนาดกลาง–ใหญ่, ที่พักที่มีคาเฟ่หรือห้องอาหารในสถานที่
3) โรงแรมประเภท 3 โรงแรมที่ให้บริการห้องพัก ห้องอาหารหรือสถานที่สำหรับ บริการอาหารหรือสถานที่สำหรับประกอบอาหาร และสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ หรือห้องประชุมสัมมนา
เหมาะกับ: โรงแรมธุรกิจระดับกลาง–ใหญ่
4) โรงแรมประเภท 4 โรงแรมที่ให้บริการห้องพัก ห้องอาหารหรือสถานที่สำหรับบริการอาหารหรือสถานที่สำหรับประกอบอาหาร สถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการและห้องประชุมสัมมนา
เหมาะกับ:
- โรงแรมระดับพรีเมียมที่ต้องการให้บริการแบบครบวงจร
- โรงแรมที่รองรับนักท่องเที่ยว กลุ่มองค์กร และงานสัมมนาขนาดใหญ่
- รีสอร์ทหรือคอมเพล็กซ์ที่มีทั้งห้องพัก ร้านอาหาร สปา ฟิตเนส และพื้นที่จัดงาน
สรุป
| รูปแบบที่พัก |
ต้องขอใบอนุญาตโรงแรมไหม ? |
ต้องแจ้งหน่วยงานไหม ? |
| ไม่เกิน 8 ห้อง / 30 คน |
❌ ไม่ต้องขอใบอนุญาตโรงแรม |
✅ ต้องแจ้งสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม |
| มากกว่า 8 ห้อง หรือรับคนเกิน 30 |
✅ ต้องขอใบอนุญาตโรงแรม |
✅ ต้องแจ้งขอใบอนุญาตโรงแรม |
ข้อควรรู้สำหรับเจ้าของหอพัก อพาร์ตเมนต์
ถ้าที่พักของคุณรับ รายวัน และเกินเกณฑ์ 8 ห้อง / 30 คน จะเข้าข่าย “โรงแรม” ทันที และต้องขอใบอนุญาต
หากให้เช่ารายเดือนอย่างเดียว → ไม่ใช่โรงแรม ไม่ต้องขอใบอนุญาตธุรกิจโรงแรม
วิธีขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม
-
ตรวจสอบประเภทอาคารก่อน
ว่าอาคารของคุณเข้าข่ายโรงแรมประเภทไหน (เช่น จำนวนห้องพัก / มีบริการอาหารหรือไม่ / มีสถานบันเทิงหรือไม่)
-
ยื่นขออนุญาตต่อหน่วยงานท้องถิ่น
โดยปกติจะยื่นที่ สำนักงานเขต หรือ อบต./เทศบาล ตามพื้นที่ที่อาคารตั้งอยู่
-
เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน เช่น
-
แบบแปลนและใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร
-
รายการสิ่งอำนวยความสะดวก
-
รายละเอียดระบบความปลอดภัย (หนีไฟ, ถังดับเพลิง ฯลฯ)
-
ใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม (ออกโดยกระทรวงมหาดไทย)
-
ตรวจสอบความถูกต้องของอาคาร
ต้องเป็นไปตามมาตรฐานอาคารประเภทโรงแรม เช่น ทางหนีไฟ ระบบป้องกันอัคคีภัย โครงสร้างปลอดภัย และที่จอดรถเพียงพอ
เอกสารที่ต้องใช้
ผู้ประกอบการทั่วไป
- บัตรประชาชนผู้ยื่นคำขอ
- แบบคำขอใบอนุญาตโรงแรม (ร.ร.1)
- แบบแปลนและผังอาคาร (ไฟล์ PDF)
- หลักฐานกรรมสิทธิ์อาคารหรือหนังสือยินยอมให้ใช้สถานที่
- เอกสารกรรมสิทธิ์ที่ดิน
- หลักฐานได้รับอนุญาตใช้อาคารเป็นโรงแรมตามกฎหมายควบคุมอาคาร (ถ้ามี)
- ใบรับรองความมั่นคงอาคารโดยวิศวกร/สถาปนิก (กรณีพื้นที่ไม่อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร)
- แผนที่ที่ตั้งโรงแรม
- หนังสือรับรอง EIA (ถ้ากฎหมายกำหนดต้องจัดทำ)
- ผลตรวจประวัติอาชญากรรม
กรณีนิติบุคคล (แนบเพิ่ม)
- หนังสือรับรองนิติบุคคล (อายุไม่เกิน 3 เดือน)
- บัตรประชาชนผู้แทนนิติบุคคล
- หนังสือมอบอำนาจ/แต่งตั้งผู้แทน (ต้องเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม)
หลายที่พักที่ให้บริการรายวันโดยไม่จดทะเบียนโรงแรม อาจมีความเสี่ยงถูกปรับตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจโรงแรมได้ ดังนั้นหากเริ่มมีผู้เข้าพักรายวันเกิน 10 ห้อง หรือมีบริการอาหาร–สถานที่ส่วนกลาง ควรรีบตรวจสอบประเภทโรงแรมให้ตรงกับลักษณะธุรกิจ และดำเนินการขอใบอนุญาตหรือแจ้งกับหน่วยงานให้ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น
การเลือกประเภทใบอนุญาตให้เหมาะกับรูปแบบที่พัก ไม่ใช่แค่การทำตามกฎหมาย แต่ยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ ป้องกันความเสี่ยงด้านกฎหมาย และเปิดโอกาสให้ที่พักขยายบริการในอนาคตได้อย่างมั่นใจ
ลงประกาศหอพัก อพาร์ทเม้นท์ โรงแรมบน Renthub ฟรี!
เข้าถึงผู้เช่าจริง ค้นหาและติดต่อได้สะดวก พร้อมทีมงานช่วยให้คำแนะนำตลอดการใช้งาน เริ่มลงโปรโมทที่พักของคุณพร้อม วิธีการลงประกาศได้ที่นี่
ขอขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย